Pages

ตำหนิเหรียญรูปไข่ หลวงพ่อเงิน หลัง หลวงพ่อเปรื่อง ปี 2515

ตำหนิเหรียญรูปไข่ หลวงพ่อเงิน หลัง หลวงพ่อเปรื่อง ปี 2515

เหรียญรูปไข่ หลวงพ่อเงิน หลัง หลวงพ่อเปรื่อง เหรียญดียอดนิยมที่ได้รับความนิยมมาก เป็นพิธีปี๑๕ สุดยอดพิธีใหญ่ในปีนั้น เหรียญรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่มีประสบการณ์สูง ปัจจุบันมีของปลอมเลียนแบบจำนวนมาก เหรียญแท้ต้องดูความคมชัด พื้นผิวเหรียญ การเจาะหู รอยปริ้นตั้ง และตัวตัดข้างในการพิจารณา ผู้ที่จะเช่าหาควรปรึกษาผู้ชำนาญจะดีที่สุด

 




ตำหนิรูปหล่อ พิมพ์ขี้ตา 3 ชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ตำหนิรูปหล่อ พิมพ์ขี้ตา 3 ชาย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หากกล่าวถึงพระเครื่องรูปหล่อโลหะผสมที่แพงที่สุด ก็ย่อมเป็นพระเครื่องรูปหล่อของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตรนั่นเอง แต่รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งมี 2 พิมพ์คือ พิมพ์นิยมซึ่งแพงเป็นอันดับหนึ่ง และพิมพ์ขี้ตา แพงรองลงมาและแน่นอนที่สุดทั้งสองพิมพ์ คือเป็นพระเครื่องรูปหล่อที่แพงที่สุดในวงการนักสะสมพระเครื่องของไทย

 



รูปหล่อพิมพ์ขี้ตา 3 ชาย ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน นอกจากส่องดูพิมพ์ถูกต้อง ต้องดูความเก่าของโลหะซึ่งส่องปุ๊บมองเห็นความแห้งเก่าของเนื้อโลหะ และกระแสโลหะเหลืองอมเขียวเป็นจุดพิจารณาอันหนึ่ง ทำให้เป็นพระที่ดูง่าย ค่านิยมปัจจุบันอยู่ที่หลักล้านกลางขึ้นอยู่กับความสวยสมบูรณ์ขององค์พระ

จุดพิจารณาที่สำคัญของพิมพ์ขี้ตา 3 ชาย เหตูที่เรียกว่าพิมพ์ขี้ตา  เพราะองค์พระจะมีเนื้อเกินที่ขอบตาล่างด้านซ้าย รูปหล่อพิมพ์ขี้ตานี้ เป็นงานเทหล่อฝีมือช่างชาวบ้าน เป็นการหล่อเททีละองค์ โดยใช้เบ้าแม่พิมพ์ประกบเข้าหากันเรียกว่า เบ้าหก

โดยการเทกรอกโลหะเข้าใต้ก้นองค์พระแบบคว่ำหัวลง เมื่อปล่อยให้โลหะเย็นตัวแล้ว สังเกตใต้ก้นองค์พระเป็นรอยขรุขระในแต่ละองค์จะไม่เหมือนกัน เป็นธรรมชาติของรูปหล่อเบ้าประกบทุกองค์ บางองค์จะมีรอยแต่งตะไบ และฐานบางองค์หนา ฐานบางองค์บาง เกิดจาการเทเนื้อโลหะลงในเบ้า บางองค์เทพอดี บางองค์เทหนาหน่อย

 



และที่สำคัญด้วยการเทแบบเบ้าประกบนี้ ทำให้พิมพ์ขี้ตามีรอยตะเข็บด้านข้างเห็นชัดเจน เหมือนเนื้อเกินออกมาเป็นเส้นตลอดแนวจากบนลงล่าง และต้องไม่มีรอยก้านชนวนที่ใต้ก้น ด้านความสวยงามเมื่อเทียบกับพิมพ์นิยมซึ่งเทหล่อโดยนายช่างจากบ้านช่างหล่อ ย่อมแตกต่างกัน

มาดูที่ผิวองค์พระ เมื่อส่องดูอย่างละเอียดจะเห็นหลุมเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน อันเกิดจากเม็ดดินขี้เบ้าที่หลุดกร่อนออกไปตามกาลเวลา เม็ดขี้เบ้าจะมีลักษณะเป็นเม็ดสีดำเกาะอยู่ในเนื้อพระทั่วทั้งองค์ สันนิษฐานได้ว่าเกิดจากดินเบ้าที่มาประกบกัน เมื่อเจอความร้อนจากโลหะที่กรอกลงไปก็มาเกาะอยู่ที่เนื้อโลหะขององค์พระ

การพิจารณาพระรูปหล่อเนื้อโลหะทองเหลืองผสม ซึ่งมีอายุ 100 ปี ก็จะเหมือนเนื้อโลหะผสมเก่าซึ่งแก่ทองเหลือง โทนสีเนื้อโลหะ ต้องมีสีเหลืองอมเขียว ผิวโลหะแห้งเก่า ไม่หม่นหมอง

สีของโลหะทองเหลืองจะไม่เสมอกันเพราะเป็นธรรมชาติของพระหล่อ ซึ่งเนื้อโลหะสัมผัสกับดินเบ้าในอุณหภูมิที่ต่างกันขณะเทหล่อแต่ละองค์ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของพระหล่อนั่นเอง

 


ผิวโลหะส่วนที่โดนสัมผัสการใช้ โลหะจะเปล่งประกาย  ส่วนผิวที่ไม่โดนสัมผัส เมื่อสังเกตในซอกผิวจะปรากฏคราบสนิมสีน้ำตาลอมดำ ไม่เป็นสีดำด้าน บางองค์อาจจะเห็นสนิมทองเหลือง (ออกไซด์)ออกสีแดงน้ำตาลคลุมเป็นจุด อันเป็นธรรมชาติความเก่าของเนื้อทองเหลือง

หากเรายังสงสัยว่าเนื้อทองเหลืองเก่าเป็นอย่างไร สนิมทองเหลืองหรือออกไซด์ที่เกิดจากปฏิกิริยาของอากาศกับทองเหลืองควรเป็นอย่างไร อาจแวะไปดูที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ดูเนื้อพระโลหะทองเหลืองเก่า หรือ เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นทองเหลืองเก่าเพื่อเทียบเคียงสีของโลหะทองเหลือง หรือ โลหะทองเหลืองเก่าผสมได้เพื่อเป็นองค์ความรู้

รูปหล่อพิมพ์ขี้ตา 3 ชาย  จะมีขนาดเล็กกว่ารูปหล่อพิมพ์ขี้ตาทุกพิมพ์  จมูกของพิมพ์ขี้ตานี้จะเหมือนสามเหลี่ยม,ไล่ดูจากชายริ้วจีวรด้านขวาของสังฆาฏิขององค์พระ จะมีริ้วจีวร 3 เส้น เส้นล่างเป็นเส้นหนาปลายเส้นชนแขน และเส้นจีวรที่แขนซ้ายเป็นเส้นคว่ำ เรียกว่า 3 ชายจีวรคว่ำ

 

 

จุดพิจารณาสำหรับพระหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา 3 ชายที่สำคัญอีกแห่ง  คือ บริเวณหัวตาด้านขวาองค์พระจะเป็นรอยเส้นเฉียงขึ้นเล็กน้อย และบริเวณซอกลำคอข้างหูด้านขวาองค์พระจะเห็นเม็ดติ่งเล็กๆอยู่หนึ่งเม็ด และบริเวณซอกลำคอจากด้านขวาขององ์พระมายังด้านซ้าย ซอกลำคอจะลึกไล่มาตื้นทางด้านซ้ายองค์พระ ซึ่งถ้าเป็นของเลียนแบบซอกลำคอมีความลึกเท่ากัน

รูปหล่อพิมพขี้ตามี 4 พิมพ์ คือ

  1. พิมพ์ขี้ตา 3 ชาย
  2. พิมพ์ขี้ตา 4 ชาย (บล็อกจีวรสั้น,บล็อกจีวรยาว) ให้สังเกตริ้วจีวรด้านขวาองค์พระ จะเห็นริ้วจีวร 4 เส้นลาดโค้งมาจากขอบสังฆาฏิขวาลงมาชนท้องแขนขวา
  3. พิมพ์ขี้ตา 5 ชาย ให้สังเกตเส้นริ้วจีวรขวามือองค์พระจะเห็นริ้วจีวร 5 เส้นโค้งซ้อนลงมาท้องแขนขวา


การศึกษาพระเครื่องรูปหล่อโบราณนั้น นอกจากพิมพ์ที่ถูกต้องที่เราจะสังเกตหาจุดที่เหมือนกันขององค์พระในพิมพ์เดียวกัน จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นจุดสังเกตของพิมพ์เฉพาะตัวเราเอง

 


การสังเกตถึงความเก่าของเนื้อโลหะทองเหลืองผสมก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงของเนื้อโลหะตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงยังไงก็ไม่เหมือน ผิวของโลหะ สีของโลหะ สนิมโลหะ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องค้นคว้าศึกษาเทียบเคียงดูครับ

เพราะรูปหล่อของหลวงพ่อเงิน ทุกพิมพ์ล้วนมีราคาแพงเป็นหลักล้านทั้งสิ้น และในด้านประสบการณ์จากการใช้พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินที่บันทึกกันไว้มีมากมาย พระเครื่องของท่านเด่นทั้งเรื่องแคล้วคลาด มหาอุด เมตตามหานิยม ขออะไรได้หมดดั่งแก้วสารพัดนึก

 

Cr. ขอบคุณข้อมูลโดย อาจารย์ชวินทร์

ตำหนิรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 2515 พิมพ์มือจุด

ตำหนิรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 2515

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี ๑๕ สุดยอดพระเครื่องยอดนิยมตลอดกาล มีประสบการณ์มากมาย ได้รับความนิยมแทบทุกพิมพ์ วันนี้นำเสนอในส่วนของพิมพ์มือจุด เป็นอีกพิมพ์ที่มีของปลอมระบาด พระแท้ต้องดูความคมชัด พื้นผิวขององค์พระที่เป็นธรรมชาติจากการปั๊ม โค๊ด ก้นพระ และด้านข้างในการพิจารณา ผู้ที่จะเช่าหาควรปรึกษาผู้ชำนาญจะดีที่สุด 

 


 

 

 

ตำหนิรูปหล่อหลวงพ่อเงิน รุ่นฟ้าคำรณ วัดคงคาราม ปี 2534

 ตำหนิรูปหล่อหลวงพ่อเงิน รุ่นฟ้าคำรณ วัดคงคาราม ปี 2534

 


 

ตำหนิพระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม A วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ตำหนิพระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม A วัดบางคลาน จ.พิจิตร

รูปหล่อพิมพ์นิยมหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่เป็นพระเครื่องรูปหล่อที่แพงที่สุด ในประวัติบันทึกว่า หลวงพ่อเงินท่านได้จ้างช่างจากจากบ้านช่างหล่อกรุงเทพฯคือ นางวัน สุทัศน์ ณ อยุธยา เป็นผู้ออกแบบและหล่อพระรูปหล่อพิมพ์นิยม และเหรียญพิมพ์จอบใหญ่ เหรียญพิมพ์จอบเล็ก โดยประมาณปีที่สร้างอยู่ระหว่าง พ.ศ.2451-2459 ปัจจุบันค่านิยมของพระรูปหล่อพิมพ์นิยมอยู่ที่หลักล้านปลายจนถึงแปดหลักสำหรับสภาพสวยสมบูรณ์ องค์ที่นำมาให้ชมเป็นรูปหล่อพิมพ์นิยมAไม่มีมือรองนั่ง



รูปหล่อพิมพ์นิยม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ได้รับความนิยมสูงสุดเพราะจำนวนพระมีน้อยและหายากกว่าพิมพ์ขี้ตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพิมพ์สวยงามกว่าพิมพ์ขี้ตา องค์พระจะอวบอิ่ม พิมพ์นิยมเป็นพระเทหล่อแบบช่อโดยต่อสายนำน้ำโลหะเข้าทางใต้ฐาน เมื่อโลหะเย็นตัวลงจึงตัดก้านชนวนใต้ฐานจึงมีรอยแต่งตะไบทุกองค์และในส่วนที่สำคัญเช่นหน้าผาก โหนกแก้มจะมีความนูนอย่างชัดเจน ริ้วจีวรจะคมชัดอ่อนช้อย เนื้อทองเหลืองผสมซึ่งอายุ 100 ปีขึ้นจะมีประกายสุกสว่างไม่ซีดหม่นและผิวพระจะปรากฎรูพรุนคล้ายตามดซึ่งเป็นธรรมชาติที่เกิดจากการหล่อแบบช่อแม่พิมพ์

รูปหล่อพิมพ์นิยม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน แบ่งออกเป็น 2 พิมพ์ คือ

1. พิมพ์นิยม Aไม่มีมือรองนั่ง ซึ่งจุดพิจารณา คือ

 


ด้านหน้า

  1. ศีรษะด้านบนกลมมน
  2. เปลือกตายื่นออกมาเหมือนหมวกแก๊ป
  3. เนื้อหน้าอกด้านขวามีกล้ามเนื้อนูนเต่งไม่แบนราบ
  4. สังเกตุการวางมือซ้ายขวา ปลายมือทั้งสองไม่จรดเชื่อมต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกันและไม่ปรากฎนิ้วชี้รองรับ (บางองค์อาจเห็นลางๆ) 
  5. มีเนื้อนูนย้อยใต้ข้อมือขวา
  6. เส้นขอบสังฆาฏิช่วงกลางมีรอยคอดเว้าเล็กน้อย
  7. ที่ปลายสังฆาฏิจะเว้าเข้าในทั้งสองมุม
  8. ริ้วจีวรฝั่งซ้ายเส้นคมชัด อ่อนพริ้วลงมา
  9. ในริ้วจีวรด้านตรงปลายด้านซ้ายมือของหลวงพ่อ ที่ติดกับข้อมือซ้าย ชายจีวรจะแยกเป็น 2 เส้นเรียงไม่ติดกัน
  10. ตรงริ้วจีวรปลายเท้าซ้ายของหลวงพ่อจะมีเนื้อเกินนูนขึ้นมา
  11. ปลายเท้าซ้ายเรียวอ่อนพลิ้ว

 


ด้านหลัง

  1. เส้นจีวรจะนูนชัดสวยงามไม่หนา ได้สัดส่วน(ของปลอมมักจะหนา)
  2. จะมีติ่งเนื้อติดกับสังฆาฎิ


2. พิมพ์นิยม B มีมือรองนั่ง (มือที่ประสานมีเส้นนูนรองอีกเส้นหนึ่ง)


มีบันทึกวิธีการสร้างพระหลวงพ่อเงิน (จากหนังสืออนุสรณ์งานศพคุณสุจิตรา แสงเดือนซึ่งเป็นหลานคุณยายวัน สุทัศน์ ณ อยุธยา) ว่า การหล่อพระหลวงพ่อเงินนั้น จะทำรูปปั้นขี้ผึ้งขึ้นมาหลังจากแก้ไขพิมพ์จนพอใจแล้วจึงนำมาถอดแบบสร้างแม่พิมพ์ด้วยตะกั่วแข็ง แม่พิมพ์ที่ได้มาเพื่อจำลองหุ่นเทียนซึ่งมีส่วนผสมระหว่างขี้ผึ้งและชัน และเมื่อขี้ผึ้งแข็งตัวก็จะถอดแม่พิมพ์นำมาแต่งหุ่นเทียนอีกครั้งอันเป็นสาเหตุที่ทำให้พระหล่อมีลักษณะต่างกัน

เมื่อได้หุ่นเทียนตามต้องการแล้วจะติดแท่งเทียนกลมๆ เข้าที่ฐานเพื่อทำเป็นสายชนวนให้ทองที่เทเข้าสู่หุ่นขี้ผึ้งได้สะดวก จากนั้น ก็นำหุ่นขี้ผึ้งทั้งหมดมาติดกับแกนชนวนตัวแม่ ซึ่งมีความหนาและใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อเป็นทางให้น้ำทองแล่นถึงหุ่นพระ จากนั้นนำน้ำมูลโคมาทาพอกหุ่นพระหลายครั้งและใช้ดินผสมทรายหยาบพอกทับเข้าไปและใช้ลวดพันทับเพื่อไม่ให้หุ่นเทียนแตกและทาดินพอกอีกก่อนนำไปตากแห้ง

เมื่อหุ่นแห้ง ก็จะนำหุ่นไปสำรอกขี้ผึ้งโดยความร้อนซึ่งต้องใช้ความชำนาญเพื่อสำรอกขี้ผึ้งออกให้หมดไม่อย่างนั้นในพิมพ์องค์พระจะเกิดรอยขรุขระขึ้น จากนั้นถึงเททองลงในช่อผ่านไปตามชนวนเข้าสู่หุ่นองค์พระทุกซอกทุกมุมแล้วปล่อยให้เย็นก่อนจะนำมาทุบดินหุ่นเอาพระภายในออกมาเพื่อตัดเดือยชนวนแล้วนำมาแต่งตะไบต่อไป

ด้วยเหตุที่เนื้อองค์พระซึ่งเป็นเนื้อทองเหลืองผสม และหล่อมาเป็นช่อ ตามซอกองค์พระมักจะมีคราบขี้เบ้าสีออกน้ำตาลอันเป็นสีสนิมที่เกิดจากธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญยิ่งคือด้วยความเก่าตามอายุของเนื้อทองเหลืองผสมสีจะออกเหลืองอมเขียว หรือเหลืองทองเข้มสุกใส และเมื่อส่องไล่ดูจะเห็นเม็ดดินสีดำเล็กๆฝังอยู่ตามผิวองค์พระอันเกิดจากเทหล่อด้วยดินไทยนั่นเอง นอกจากสร้างจากเนื้อทองเหลืองผสมแล้ว ยังปรากฏการสร้างเป็นเนื้อเงินอีกจำนวนหนึ่งด้วย

ฉะนั้น ประการสำคัญที่สุดคือต้องแม่นพิมพ์ จำเนื้อให้ได้ เพราะอายุของพระจนถึงปัจจุบันก็ 100 ปีแล้ว หรือศึกษาเทียบเคียงองค์พระหลายองค์จากแหล่งหนังสือที่เชื่อถือได้ สังเกตหาจุดที่เหมือนกันเพื่อเป็นจุดสังเกตของพิมพ์เฉพาะตัวเราเองครับ

 

 

 


 

Cr.  ขอบคุณข้อมูลโดย อ.ชวินทร์


ตำหนิพระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม B วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ตำหนิพระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม B วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ข้อแตกต่างของหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม A และ B คือ พิมพ์นิยม B จะมีเส้นซ้อนใต้มือเส้นใหญ่กว่า พิมพ์นิยม A และเส้นริ้วจีวรมีลักษณะเป็นปมที่แขนด้านซ้ายขององค์พระ

 




Cr. Arjanram